รถรับจ้างขนของ 4 ล้อใหญ่ ราคา
รถรับจ้างขนของ 4 ล้อใหญ่ เป็นบริการขนย้ายสิ่งของที่เหมาะสำหรับงานขนของปริมาณปานกลาง เช่น ย้ายหอพัก ย้ายบ้าน ย้ายสำนักงาน หรือขนส่งสินค้า ราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ใช้ขนของ บรรทุกได้ประมาณ 1.5 – 2 ตัน ความยาวพื้นที่บรรทุกประมาณ 3 เมตร
ประเภทของรถ 4 ล้อใหญ่ที่ใช้ขนของ
🚛 ประเภทของรถ 4 ล้อใหญ่ที่ใช้ขนของ
รถ 4 ล้อใหญ่ที่ใช้รับจ้างขนของส่วนใหญ่จะเป็นรถกระบะดัดแปลงที่ออกแบบมาเพื่อการบรรทุกของโดยเฉพาะ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้:
1. รถกระบะตู้ทึบ (ตู้อลูมิเนียมหรือเหล็ก)
ลักษณะ: ตัวรถด้านหลังเป็นตู้ปิดทึบ ทำจากอลูมิเนียมหรือเหล็ก ความสูงของตู้มักจะสูงกว่าหลังคารถ
จุดเด่น:
ป้องกันแดด ฝน และฝุ่นได้ดี
เหมาะกับการขนของที่เปียกไม่ได้ เช่น เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้า
ปลอดภัยมากกว่า เพราะของอยู่ภายในตู้ปิดสนิท
ความจุ: โดยทั่วไปบรรทุกได้ประมาณ 1 – 1.5 ตัน (ตามกฎหมาย)
2. รถกระบะแบบคอก (เปิดโล่ง มีผ้าใบคลุม)
ลักษณะ: มีคอกเหล็กสูงด้านหลัง พร้อมผ้าใบคลุมด้านบนและรอบข้างเพื่อกันฝน
จุดเด่น:
เหมาะกับการขนของที่มีขนาดใหญ่หรือสูงเกินกว่าตู้ทึบ เช่น เครื่องจักร หรือของชิ้นใหญ่
น้ำหนักเบากว่าตู้ทึบ ทำให้บางครั้งสามารถใส่ของได้มากกว่าเล็กน้อย (แต่ต้องไม่เกินพิกัดกฎหมาย)
ความยืดหยุ่น: สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่บรรทุกให้เหมาะกับลักษณะของได้มากขึ้น
📏 ขนาดโดยประมาณของรถ 4 ล้อใหญ่
ความยาวพื้นที่บรรทุก: ประมาณ 2.5 – 2.8 เมตร
ความกว้าง: ประมาณ 1.5 – 1.7 เมตร
ความสูง (กรณีตู้ทึบ): ประมาณ 1.8 – 2.0 เมตร
น้ำหนักบรรทุกได้: สูงสุดราว ๆ 1,500 กิโลกรัม
✅ เหมาะสำหรับการขนของประเภทใดบ้าง?
ย้ายบ้าน/หอพัก (เตียง, ตู้, โต๊ะ, ทีวี ฯลฯ)
ย้ายสำนักงาน (โต๊ะทำงาน, คอมพิวเตอร์, เก้าอี้)
ขนสินค้าจำนวนมาก (กล่องพัสดุ, ของใช้, วัตถุดิบ)
ขนของในตลาดนัดหรือออกบูธแสดงสินค้า
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาค่าบริการ
💰 ปัจจัยที่มีผลต่อราคาค่าบริการ
การใช้บริการรถรับจ้างขนของ 4 ล้อใหญ่ ราคาจะไม่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้:
1. ระยะทางของการขนย้าย
ยิ่งขนของไปไกลเท่าไร ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น:
ในเขตกรุงเทพฯ อาจเริ่มต้นที่ 600 – 1,500 บาท
ข้ามจังหวัด เช่น กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ อาจอยู่ที่ 5,000 – 7,000 บาท
2. ปริมาณและน้ำหนักของสิ่งของ
หากของมีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก เช่น ตู้เย็น 2 ประตู เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า ฯลฯ อาจต้องใช้แรงงานเพิ่มหรือขนหลายเที่ยว
ถ้าเกินขนาดหรือบรรทุกหนักเกินกฎหมายกำหนด อาจต้องเปลี่ยนเป็นรถหกล้อ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก
3. การใช้แรงงานช่วยยกของ
ถ้าผู้ให้บริการมีคนยกของให้ (เช่น 1 – 2 คน) จะมีค่าแรงเพิ่มต่างหาก
ราคาค่าแรงคนยกโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 300 – 800 บาท/คน (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความหนักของของ)
4. ช่วงเวลาที่ใช้บริการ
เวลาปกติ (กลางวัน วันธรรมดา) ราคาจะถูกกว่าช่วงพีค เช่น:
เวลาค่ำ/กลางคืน
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์
วันนักขัตฤกษ์
บางเจ้าคิดเพิ่มประมาณ 10% – 30% หากจองในช่วงเร่งด่วน
5. ลักษณะของสถานที่ต้นทางและปลายทาง
หากสถานที่มีข้อจำกัด เช่น:
ซอยแคบ รถเข้าลำบาก
ต้องยกของขึ้นลงบันได (ไม่มีลิฟต์)
ต้องจอดไกลจากจุดขนของ
ผู้ให้บริการอาจคิดค่าบริการเพิ่มหรือแจ้งว่าใช้ได้เฉพาะบางประเภทของรถเท่านั้น
6. บริการเสริมเพิ่มเติม
เช่น การแพ็กของให้, บริการถอด-ประกอบเฟอร์นิเจอร์, ใช้อุปกรณ์เสริม (รถเข็น, เชือก ฯลฯ)
บริการเหล่านี้อาจมีค่าบริการแยกต่างหาก โดยคิดเป็นรายชิ้นหรือเหมารวม
✅ สรุปง่ายๆ
ถ้าคุณต้องการประเมินราคาเบื้องต้น ให้เตรียมข้อมูลเหล่านี้ไว้:📍 จุดรับ – จุดส่ง | 📦 รายการของ | 📆 วันที่ – เวลาที่ต้องการ | 👷 ต้องการคนยกของไหม
ราคาโดยประมาณในพื้นที่ต่างๆ
💵 ราคาโดยประมาณในพื้นที่ต่างๆ
ราคาค่าบริการของรถรับจ้าง 4 ล้อใหญ่จะแตกต่างกันไปตาม ระยะทาง, เขตพื้นที่, และ ลักษณะงานขนย้าย โดยทั่วไปสามารถแบ่งตามประเภทพื้นที่ได้ดังนี้:
1. ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
เหมาะสำหรับการย้ายหอพัก, คอนโด, หรือขนของธุรกิจภายในเมือง
ราคาโดยประมาณ:
เริ่มต้นที่ 600 – 1,500 บาท/เที่ยว
ถ้าขนของจากชั้นสูง (ไม่มีลิฟต์) หรือมีของเยอะ ราคาอาจเพิ่มขึ้น
หากต้องการคนยกของเพิ่ม 1–2 คน อาจบวกเพิ่ม 300 – 800 บาท/คน
2. จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดใกล้เคียง
เช่น นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, อยุธยา
ราคาโดยประมาณ:
ประมาณ 1,200 – 2,500 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางและปริมาณของ
ถ้าเป็นช่วงเช้า/เร่งด่วน ราคาจะสูงขึ้นเล็กน้อย
3. จากกรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัดระยะกลาง
เช่น ชลบุรี, ระยอง, นครราชสีมา (โคราช), ราชบุรี
ราคาโดยประมาณ:
อยู่ที่ 2,500 – 4,000 บาท
หากต้องการไป-กลับในวันเดียว อาจมีส่วนลดหรือค่ารอเวลาบวกเพิ่ม
4. จากกรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัดระยะไกล
เช่น เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุดรธานี, สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต
ราคาโดยประมาณ:
อยู่ในช่วง 5,000 – 8,000 บาท หรือมากกว่านั้น (ขึ้นกับระยะทางและน้ำมัน)
ถ้าจำเป็นต้องพักค้างคืนหรือไปหลายจุด ราคาจะเพิ่มอีกตามที่ตกลงกัน
5. ในต่างจังหวัด (วิ่งภายในจังหวัดเดียวกัน)
เช่น ใช้รถขนของในเมืองเชียงใหม่, ขนของในขอนแก่น
ราคาโดยประมาณ:
เริ่มต้นที่ 500 – 1,200 บาท (ระยะใกล้)
ขึ้นอยู่กับความนิยมของพื้นที่และจำนวนผู้ให้บริการในพื้นที่นั้น ๆ
6. งานเหมาระยะไกล/เหมารายวัน
เหมาะสำหรับผู้ที่มีหลายจุดรับ-ส่ง, หรือขนของแบบโครงการใหญ่
ราคาเหมาวัน:
โดยทั่วไปอยู่ที่ 3,000 – 6,000 บาท/วัน (ไม่รวมค่าน้ำมันหรือคนยกของ)
📝 หมายเหตุ:
ราคาทั้งหมดเป็น ราคาโดยประมาณ และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาล, ราคาน้ำมัน, หรือความต้องการในช่วงเวลานั้น
ควรสอบถามราคากับผู้ให้บริการโดยตรงเพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ
บริการเสริมที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
🧰 บริการเสริมที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
นอกจากค่ารถรับจ้างขนของ 4 ล้อใหญ่แล้ว ผู้ให้บริการหลายรายยังมีบริการเสริมเพิ่มเติมที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวก ซึ่งจะมี ค่าใช้จ่ายแยกต่างหาก ดังนี้:
1. บริการคนช่วยยกของ
ถ้าผู้จ้างไม่สามารถยกของเองได้ หรือของมีน้ำหนักมาก เช่น ตู้เย็น, ตู้เสื้อผ้า, เตียง
โดยปกติจะมี คนยกของ 1 – 2 คน หรือมากกว่านั้นตามต้องการ
ราคาประมาณ:
1 คน: 300 – 500 บาท/เที่ยว
2 คน: 600 – 1,000 บาท/เที่ยว
ถ้าเป็นงานที่ใช้เวลานาน (เหมาวัน): อาจคิดเป็นรายวันประมาณ 800 – 1,200 บาท/คน
2. บริการแพ็กของ/ห่อของ
เหมาะสำหรับของที่ต้องการป้องกันการกระแทก เช่น แก้ว กระจก เฟอร์นิเจอร์
วัสดุที่ใช้แพ็ก เช่น แอร์บับเบิล (พลาสติกกันกระแทก), กล่อง, เทป ฯลฯ
ราคาประมาณ:
คิดเป็นชิ้น หรือคิดรวมเป็นแพ็กเกจ เช่น 100 – 500 บาท/ชิ้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อน
3. บริการถอด-ประกอบเฟอร์นิเจอร์
เช่น เตียงไม้ โต๊ะสำนักงาน ชั้นวางของ IKEA ที่ต้องถอดก่อนขน
บริการนี้เหมาะมากหากต้องย้ายบ้านหรือคอนโด
ราคาประมาณ:
เริ่มต้นที่ 300 – 800 บาท/ชิ้น (ขึ้นอยู่กับความยากของโครงสร้าง)
4. บริการจัดเรียงของ/ติดตั้ง ณ จุดปลายทาง
เช่น ยกของเข้าบ้าน, ช่วยวางเฟอร์นิเจอร์เข้าที่, ติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า
มักรวมอยู่กับบริการคนยกของ แต่ถ้าเป็นงานเฉพาะทาง อาจมีค่าบริการเพิ่ม
5. ค่าจอดรถ/ค่าผ่านทาง/ค่าลิฟต์ขนของ
หากต้องจอดในที่มีค่าจอดรถ เช่น ห้าง, คอนโด หรือผ่านทางด่วน
ค่าธรรมเนียมลิฟต์ขนของ (บางคอนโดมีเรียกเก็บ)
ค่าใช้จ่าย: ตามจริง หรือผู้ให้บริการอาจรวมในราคาเสนอ
6. ค่ารอเวลา/ค่าเสียเวลา
หากต้องรอเกินเวลาที่ตกลงกัน เช่น รอลูกค้าจัดของไม่เสร็จ
ผู้ให้บริการบางรายอาจคิดค่ารอเพิ่มเป็นรายชั่วโมง
ราคาประมาณ: 100 – 300 บาท/ชั่วโมง
✅ เคล็ดลับ:
ก่อนตัดสินใจใช้บริการ ควรสอบถามให้ชัดเจนว่า “ค่าใช้จ่ายที่เสนอรวมอะไรบ้าง” และ “มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีไหน” เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดภายหลัง
ข้อดีของการใช้รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้าง
✅ ข้อดีของการใช้รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้าง
รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้างเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการขนย้ายของในเมืองหรือต่างจังหวัด เพราะมีความคล่องตัวและประหยัด เหมาะทั้งกับลูกค้าทั่วไปและเจ้าของธุรกิจ โดยมีข้อดีหลัก ๆ ดังนี้:
1. ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ารถขนาดใหญ่ (หกล้อ)
ค่าบริการของรถ 4 ล้อใหญ่มักถูกกว่ารถหกล้อหรือสิบล้อ
เหมาะสำหรับการขนย้ายของในปริมาณปานกลาง เช่น ย้ายห้อง ย้ายบ้าน หรือขนสินค้า
สามารถใช้บริการแบบเที่ยวเดียว ไม่จำเป็นต้องเหมาคันใหญ่
2. คล่องตัว เข้าออกซอยหรือพื้นที่แคบได้ง่าย
ด้วยขนาดของรถที่ไม่ใหญ่มาก รถ 4 ล้อใหญ่สามารถเข้าไปในซอยแคบ คอนโด หรือตลาดที่รถใหญ่เข้าไม่ได้
ลดปัญหาเรื่องการจอดไกลหรือขนของต่อหลายรอบ
3. ขนของได้เยอะกว่ารถกระบะทั่วไป
มีพื้นที่บรรทุกมากกว่าแบบ 4 ล้อเล็กหรือกระบะหลังเปล่า
สามารถขนของขนาดใหญ่ เช่น ตู้เย็น, ตู้เสื้อผ้า, ที่นอน 6 ฟุต ได้ในเที่ยวเดียว (ในบางกรณี)
4. มีตัวเลือกของรถหลายแบบ (ตู้ทึบ / คอกผ้าใบ)
เลือกได้ตามลักษณะของที่ต้องการขน
ถ้าของกลัวเปียก → ใช้รถตู้ทึบ
ถ้าของชิ้นใหญ่ สูง หรือไม่กลัวฝน → ใช้รถคอกผ้าใบ
บางเจ้ามีบริการพิเศษ เช่น ตู้แช่เย็น หรือบรรทุกสินค้าเฉพาะทาง
5. ใช้ได้ทั้งงานขนของส่วนตัวและเชิงพาณิชย์
ไม่ว่าจะย้ายบ้าน ย้ายหอ ขนของออกบูธ ขนสินค้าไปส่งลูกค้า หรือย้ายสำนักงาน ก็ใช้ได้หมด
ธุรกิจหลายแห่งใช้บริการนี้ประจำแทนการซื้อรถขนของเอง
6. เรียกใช้งานได้สะดวก หลากหลายช่องทาง
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการจำนวนมาก ทั้งแบบรายย่อยและบริษัท
สามารถจองผ่านแอปฯ, เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว
บางเจ้ามีบริการด่วนภายในไม่กี่ชั่วโมง
🔎 เหมาะกับใคร?
คนที่ย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ขนเฟอร์นิเจอร์
ร้านค้าออนไลน์ที่ต้องส่งของจำนวนมาก
เจ้าของธุรกิจที่ต้องการขนสินค้าเป็นครั้งคราว
ผู้ที่ไม่ต้องการลงทุนซื้อรถเอง
วิธีเลือกผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้
🔍 วิธีเลือกผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้
ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการรถรับจ้างจำนวนมาก ทั้งแบบอิสระและบริษัทขนส่ง ซึ่งอาจมีคุณภาพและความน่าเชื่อถือที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจจ้าง ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้:
1. ดูรีวิวและคะแนนจากลูกค้าเก่า
ค้นหาชื่อผู้ให้บริการใน Google, Facebook, หรือแอปฯขนของต่าง ๆ
อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง ดูว่ามีความคิดเห็นในแง่บวกหรือมีปัญหาเรื่องความล่าช้า เสียหาย หรือพูดจาไม่สุภาพหรือไม่
ถ้ามีรีวิวจำนวนมากและคะแนนดี แสดงถึงความน่าเชื่อถือ
2. มีช่องทางติดต่อชัดเจน
เช่น เบอร์โทร, ไลน์, เพจ Facebook, เว็บไซต์ หรือแอปฯ
ช่องทางติดต่อที่ตอบกลับรวดเร็ว บอกข้อมูลชัดเจน มักบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ
หากมีแค่เบอร์มือถือ ไม่มีที่อยู่หรือข้อมูลยืนยันตัวตน ควรระวัง
3. แจ้งราคาชัดเจนก่อนเริ่มงาน
ควรถามให้ชัดว่า ราคานี้รวมอะไรบ้าง เช่น ค่ารถ, ค่าคนยกของ, ค่าผ่านทาง ฯลฯ
บางรายมีเอกสารเสนอราคาหรือยืนยันทางแชทอย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วยให้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง
หลีกเลี่ยงผู้ให้บริการที่พูดคลุมเครือ หรือแจ้งราคาต่ำผิดปกติ (อาจมีค่าใช้จ่ายแฝง)
4. ตรงต่อเวลาและมีความรับผิดชอบ
ควรสอบถามผู้ให้บริการว่าเคยมีประสบการณ์ด้านใดบ้าง เคยขนของแบบไหน
ถ้าตรงต่อเวลาและพูดจาสุภาพตั้งแต่ตอนนัดหมาย มักจะให้บริการดีตลอดงาน
ถ้ามีการยืนยันเวลามารับของแน่นอน และสามารถติดต่อได้ตลอด ถือว่าน่าเชื่อถือ
5. มีประกันความเสียหาย (ในบางกรณี)
สำหรับของที่มีมูลค่าสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือของที่เปราะบาง
ผู้ให้บริการบางรายมีประกันความเสียหายระหว่างขนย้าย หรือช่วยรับผิดชอบหากเกิดความเสียหาย
6. เปรียบเทียบหลายเจ้า ก่อนตัดสินใจ
อย่าด่วนตัดสินใจเจ้าแรกที่เจอ ควรสอบถามอย่างน้อย 2 – 3 เจ้า
เปรียบเทียบราคา + บริการ + ความน่าเชื่อถือ เพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุด



