🚚 รถขนของ คิดราคายังไง? รวมรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่คุณต้องรู้
ราคารถขนของ ไม่ได้มีแค่ “ค่ารถ” อย่างเดียว
แต่รวมถึงค่าคนยกของ ค่าทางด่วน บริการเสริม และเวลาให้บริการ
ดังนั้นก่อนจ้าง ควรถามให้ชัดทุกจุด จะได้ไม่โดนบวกเพิ่มหน้างาน และสามารถเปรียบเทียบราคาแต่ละเจ้าด้วยความเข้าใจ
⚙️ ปัจจัยหลักที่ใช้คำนวณค่าบริการรถขนของ
การคิดราคาค่าบริการรถขนของ ไม่ได้มีแค่ “ค่ารถ” อย่างเดียว แต่ประกอบด้วยหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาสุดท้าย ทั้งในระยะใกล้และต่างจังหวัด การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนงบได้อย่างแม่นยำ และลดปัญหาเรื่องราคาบานปลาย
1. 📏 ระยะทางในการขนส่ง (ต้นทาง – ปลายทาง)
ยิ่งระยะทางไกล ราคายิ่งเพิ่ม แต่ “ราคาต่อกิโลเมตร” อาจถูกลงในกรณีระยะทางไกลมาก
ตัวอย่างอัตราโดยทั่วไป:
รถกระบะ: 12 – 20 บาท/กม.
รถหกล้อ: 18 – 25 บาท/กม.
รถสิบล้อ: 25 – 30 บาท/กม.
✅ บางเจ้าคิดราคาแบบ “เหมาเที่ยว” โดยไม่ดูจำนวนกิโลเมตร
2. 🚛 ประเภทรถที่เลือกใช้
ขนาดของรถมีผลต่อราคาทั้งค่าน้ำมัน ความสามารถในการบรรทุก และจำนวนแรงงานที่ต้องใช้ร่วม
| ประเภทรถ | ความจุโดยประมาณ | ราคาเริ่มต้น |
|---|---|---|
| รถกระบะ | 1 – 1.5 ตัน | 1,200 – 2,500 บาท |
| กระบะตู้ทึบ | 1.8 ตัน | 1,800 – 3,500 บาท |
| รถหกล้อ | 3 – 4 ตัน | 3,500 – 8,000 บาท |
| รถสิบล้อ | 5 ตันขึ้นไป | 6,000 – 15,000 บาท |
3. 👷 จำนวนแรงงานช่วยขนของ
ถ้าของมีน้ำหนักมาก หรือเป็นเฟอร์นิเจอร์ ต้องใช้คนยกของเพิ่มเติม
คนยกของ: เฉลี่ย 300 – 500 บาท/คน/เที่ยว
ถ้ายกของขึ้น-ลงชั้นสูง หรือไม่มีลิฟต์ อาจเพิ่ม 100 – 300 บาท/คน
หากต้องถอด-ประกอบเฟอร์นิเจอร์ จะมีค่าใช้จ่ายแยกต่างหาก
4. 🕒 เวลา และช่วงวันที่ใช้บริการ
วันหยุด, เวลากลางคืน, หรือช่วงเร่งด่วน มีผลต่อราคา
| เงื่อนไขเวลา | ค่าบริการเพิ่มเติม |
|---|---|
| กลางคืน (20.00 น. ขึ้นไป) | +300 – 500 บาท |
| วันหยุด/นักขัตฤกษ์ | +10 – 20% |
| เรียกด่วน / ภายใน 1 ชม. | ขึ้นอยู่กับตกลง |
5. 🧱 ลักษณะของสถานที่ขนย้าย
สถานที่เข้าถึงยาก ใช้เวลา หรือแรงงานมากกว่าปกติ มักมีค่าบริการเพิ่มเติม
ซอยแคบ / รถเข้าไม่ถึง → ต้องเปลี่ยนรถเล็กหรือเข็นของ = ค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ยกของขึ้นชั้นสูง ไม่มีลิฟต์ = ค่าคนยกเพิ่ม
คอนโด/หมู่บ้าน บางแห่งมีค่าจอดรถหรือค่าผ่านทาง
6. 🛠️ บริการเสริมอื่น ๆ
บริการที่ลูกค้าอาจร้องขอเพิ่มเติม เช่น:
| บริการเสริม | ราคาโดยประมาณ |
|---|---|
| แพ็คของ / ห่อของ | 200 – 800 บาท |
| ถอด/ประกอบเฟอร์นิเจอร์ | 300 – 1,000 บาท/ชิ้น |
| ค่ารอหน้างานเกินเวลา | 100 – 300 บาท/ชั่วโมง |
| ค่าทางด่วน / ค่าจอดรถ | คิดตามจริง |
✅ สรุป:
“ราคาค่ารถขนของ” คือผลรวมของหลายปัจจัย ไม่ใช่ราคาตายตัว
หากคุณเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้ จะสามารถเจรจาและวางแผนได้คุ้มค่าที่สุด ทั้งในแง่ของงบประมาณและความสะดวกในการขนย้าย
🚛 ประเภทรถที่เลือกใช้
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อ ราคาค่าบริการรถขนของ และความสะดวกในการขนย้าย คือ “ประเภทของรถ” ที่เลือกใช้
เพราะของที่มีปริมาณมาก ขนาดใหญ่ หรือเปียกน้ำไม่ได้ ย่อมต้องการรถที่เหมาะสมต่างกัน เพื่อให้ขนของได้ คุ้มค่า ปลอดภัย และไม่เสียหาย
✅ ทำไมต้องเลือกประเภทรถให้เหมาะ?
📦 รถเล็ก = ประหยัด แต่จุได้น้อย → อาจต้องวิ่งหลายรอบ
🚛 รถใหญ่ = จุเยอะ แต่ค่าใช้จ่ายสูง → ถ้าใช้ไม่เต็ม = เปลือง
🌧 รถตู้ทึบ = ป้องกันของเปียกฝน เหมาะกับของมีมูลค่า
🏗 รถหกล้อขึ้นไป = เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์/ของหนัก/งานย้ายบ้านเต็มรูปแบบ
📋 ประเภทรถรับจ้างที่นิยมใช้ (พร้อมรายละเอียด)
🚐 1. รถกระบะตอนเดียว (ไม่มีตู้)
จุได้: 1 – 1.2 ตัน
ของที่ขนได้: กล่อง, ของใช้, ของเบา, จักรยาน
ข้อดี: ราคาถูกที่สุด / คล่องตัว / เข้าซอยแคบได้
ข้อเสีย: ไม่กันแดดกันฝน
💰 เริ่มต้น: 1,200 – 2,000 บาท/เที่ยว
🚐 2. รถกระบะตู้ทึบ
จุได้: 1.5 – 1.8 ตัน
ของที่ขนได้: เฟอร์นิเจอร์, ของมีมูลค่า, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ข้อดี: ป้องกันแดดฝนได้ดี / ปลอดภัย / เรียบร้อย
ข้อเสีย: สูง เข้าอาคาร/ใต้สะพานบางแห่งไม่ได้
💰 เริ่มต้น: 1,800 – 3,500 บาท/เที่ยว
🚚 3. รถหกล้อ
จุได้: 3 – 4 ตัน
ของที่ขนได้: เฟอร์นิเจอร์ทั้งหลัง, เตียง, โซฟา, เครื่องจักร
ข้อดี: เหมาะกับย้ายบ้าน / ย้ายสำนักงาน
ข้อเสีย: เข้าซอยแคบไม่ได้ / ราคาสูงกว่า
💰 เริ่มต้น: 3,500 – 7,000 บาท/เที่ยว (ขึ้นกับระยะทาง)
🚚 4. รถสิบล้อ
จุได้: 5 – 10 ตัน
ของที่ขนได้: สินค้าปริมาณมาก, เครื่องจักร, อุปกรณ์ก่อสร้าง
ข้อดี: เหมาะกับงานขนส่งเชิงธุรกิจ / โรงงาน / งานโครงการ
ข้อเสีย: ต้องขออนุญาตเข้าพื้นที่บางแห่ง / ราคาสูง
💰 เริ่มต้น: 6,000 – 15,000 บาท/เที่ยว (ขึ้นกับระยะทาง)
📌 วิธีเลือกประเภทรถให้เหมาะกับงาน
| ประเภทงาน | ควรใช้รถอะไร |
|---|---|
| ย้ายหอพัก / ของไม่เยอะ | กระบะตอนเดียว หรือกระบะตู้ทึบเล็ก |
| ย้ายบ้านขนาด 1–2 ห้อง | กระบะตู้ทึบ หรือรถหกล้อ |
| ย้ายบ้านทั้งหลัง / เฟอร์นิเจอร์ครบ | รถหกล้อเป็นอย่างต่ำ |
| ขนของกลางแจ้ง / ฝนตกบ่อย | ใช้ตู้ทึบ เพื่อกันเปียก |
| ขนของขนาดใหญ่พิเศษ / สินค้าหนักมาก | รถสิบล้อขึ้นไป |
✅ สรุป:
“ประเภทรถที่เลือกใช้” ส่งผลโดยตรงต่อ ราคา + ความสะดวก + ความปลอดภัย
การเลือกรถให้เหมาะกับของที่จะขน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดความเสี่ยงของเสียหาย
👷 แรงงานช่วยยกของ – ค่าจ้างแยกต่างหาก
แม้ว่าการจ้าง “รถรับจ้างขนของ” จะรวมค่ารถและคนขับไว้แล้ว แต่ ค่าจ้างแรงงานสำหรับ “คนช่วยยกของ” มักคิดแยกต่างหาก
โดยเฉพาะในกรณีที่ของมีน้ำหนักมาก ขนาดใหญ่ หรืออยู่ในพื้นที่ที่ต้องใช้แรงเยอะ เช่น ต้องยกของขึ้นตึก ไม่มีลิฟต์ หรือมีอุปกรณ์ต้องถอดประกอบ
✅ หน้าที่ของแรงงานยกของมีอะไรบ้าง?
| หน้าที่ | รายละเอียด |
|---|---|
| ยกของขึ้น–ลง จากรถ | จากจุดรับของ → ใส่รถ → ขนเข้าจุดปลายทาง |
| แบกของหนัก | เช่น ตู้เย็น, โซฟา, เครื่องซักผ้า |
| จัดเรียงของในรถ | เพื่อป้องกันการเสียหายระหว่างเดินทาง |
| ยกของขึ้นอาคาร | กรณีต้องเดินขึ้นบันไดหลายชั้น |
| ถอด/ประกอบเฟอร์นิเจอร์ (ถ้ามีทักษะ) | เช่น ถอดเตียง, โต๊ะ, ชั้นวาง |
💰 ค่าจ้างแรงงานยกของ คิดอย่างไร?
ค่าจ้างแรงงานยกของ มักคิดตาม “จำนวนคน” และ “ลักษณะงาน” โดยมีเรตราคาโดยประมาณดังนี้:
| รายละเอียด | ราคาโดยเฉลี่ย |
|---|---|
| คนยกของ 1 คน (ทั่วไป) | 300 – 500 บาท / เที่ยว |
| คนยกของ + งานขึ้นบันได 3–5 ชั้น | +100 – 300 บาท / คน |
| คนยกของ + ถอดประกอบเฟอร์นิเจอร์ | แล้วแต่ตกลง (บางราย +500 – 1,000 บาท) |
| งานที่ใช้คน 2–3 คนขึ้นไป | รวม 800 – 1,500+ บาท |
ตัวอย่างสถานการณ์ที่ต้องใช้แรงงานเพิ่ม
1. ย้ายหอพัก ชั้น 5 ไม่มีลิฟต์ → ต้องใช้แรงงาน 1–2 คน + ค่าแรงเพิ่ม
2. ขนโซฟาขนาดใหญ่ + ตู้เสื้อผ้า → ต้องใช้ 2 คน + ช่วยจัดของในรถ
3. ขนของไปต่างจังหวัดแล้วต้องจัดเข้าบ้านที่ปลายทาง → ต้องมีแรงงานขนเข้าบ้านให้ครบ
4. ของชิ้นใหญ่ติดตั้งในบ้าน → บางกรณีอาจต้องถอดประกอบด้วย
❗ สิ่งที่ควรสอบถามก่อนจ้างแรงงาน
| คำถามที่ควรถาม | เหตุผล |
|---|---|
| ราคานี้รวมคนยกของแล้วหรือยัง? | ป้องกันโดนบวกเพิ่มหน้างาน |
| ต้องใช้แรงงานกี่คนถึงจะพอ? | บางงานต้อง 2–3 คน |
| ยกของขึ้นชั้นบน คิดราคาเพิ่มไหม? | มีผลต่อแรงงานและเวลา |
| ถอด/ประกอบของได้ไหม? | บางรายไม่มีทักษะหรือไม่รวมบริการ |
✅ สรุป:
“แรงงานช่วยยกของ” คือหัวใจสำคัญที่ทำให้การขนของเป็นเรื่องง่าย แต่ต้องเข้าใจว่าค่าบริการแรงงานนั้นแยกต่างหากจากค่ารถ
การสอบถามให้ชัดเจนเรื่องค่าแรงและจำนวนคนตั้งแต่ต้น จะช่วยให้ไม่เสียเวลา และควบคุมงบประมาณได้อย่างมืออาชีพ
🕒 ช่วงเวลาให้บริการ – ปัจจัยที่มีผลต่อค่าบริการรถขนของ
“ช่วงเวลาในการใช้บริการรถรับจ้าง” คือหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาค่าบริการโดยตรง
เพราะต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับเวลา เช่น ค่าแรงล่วงเวลา, ค่ารถติด, ค่าความเสี่ยง หรือแม้แต่ความต้องการสูงในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ล้วนทำให้ราคามีความเปลี่ยนแปลง
ทำไมช่วงเวลาถึงมีผลต่อราคา?
1. เวลาเร่งด่วน → รถติดหนัก → ใช้น้ำมันมากขึ้น → คนขับเสียเวลามากขึ้น
2. กลางคืน/ตีดึก → คนขับเสี่ยงมากกว่า + แรงงานต้องเพิ่มค่าแรง
3. วันหยุดนักขัตฤกษ์ → ความต้องการสูง → ราคาปรับขึ้นตามกลไกตลาด
4. งานด่วน / เรียกทันที → มี “คิวพิเศษ” ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อความเร็ว
📌 ประเภทช่วงเวลาที่มีผลต่อราคาบริการ
| ประเภทเวลา | รายละเอียด | ราคาโดยประมาณ |
|---|---|---|
| 🕘 เวลาปกติ (08.00 – 17.00 น.) | ราคามาตรฐาน | — |
| 🌙 เวลากลางคืน (หลัง 20.00 น.) | ต้องจ่ายค่าแรงเพิ่มให้คนขับ/คนยกของ | +300 – 500 บาท |
| 🚦 ช่วงเวลาเร่งด่วน (07.00 – 09.00 / 16.00 – 19.00 น.) | บางรายคิดค่ารถติด / เวลาเสียเพิ่ม | +100 – 300 บาท |
| 📆 วันเสาร์-อาทิตย์ | บางเจ้าเพิ่ม 10% | +200 – 500 บาท |
| 🗓 วันหยุดนักขัตฤกษ์ / วันปีใหม่ สงกรานต์ ฯลฯ | ความต้องการสูงมาก ราคาขยับขึ้น | +10 – 30% |
| 🆘 งานด่วน เรียกภายใน 1 ชั่วโมง | คิวพิเศษ ต้องแทรกงาน | แล้วแต่ตกลง อาจ +300 – 800 บาท |
🎯 ตัวอย่างสถานการณ์จริง
ลูกค้าเรียกรถไปรับของตอน 22.00 น. → บวกเพิ่ม 500 บาท เพราะเป็นช่วงกลางคืน
ย้ายบ้านวัน อาทิตย์ + ขึ้นคอนโด + รถต้องรอคิว → บวกค่ารอ + ค่ารถจอดพิเศษ
เรียกขนของด่วนในวันหยุด → ต้องใช้ “คิวพิเศษ” ราคาขึ้นเฉพาะเจาะจง
คำถามที่ควรถามผู้ให้บริการเกี่ยวกับช่วงเวลา
1. “ราคานี้คิดช่วงเวลาไหน?”
2. “ถ้าขนของตอนกลางคืน ต้องจ่ายเพิ่มไหม?”
3. “วันหยุดหรือวันอาทิตย์ ราคาจะต่างจากวันธรรมดาไหม?”
4. “สามารถนัดเวลาล่วงหน้าแบบเจาะจงได้หรือไม่?”
5. “ถ้ารถมาช้าเกินเวลาที่นัด จะมีค่ารอไหม?”
✅ สรุป
ช่วงเวลาในการใช้บริการรถขนของ มีผลต่อทั้งต้นทุนและความสะดวก
รู้ไว้ล่วงหน้า = วางแผนได้แม่น ไม่โดนบวกเพิ่มหน้างาน
หากคุณสามารถเลือกช่วงเวลาทำงานล่วงหน้าได้ เช่น วันธรรมดา ช่วงกลางวัน ราคาจะถูกกว่าและไม่เร่งรีบ ทำให้ขนของได้สะดวกและคุ้มค่ากว่า
🛠️ บริการเสริมที่ลูกค้าต้องรู้
การจ้างรถขนของไม่ได้จบแค่ “ค่ารถ + คนขับ” เพราะหลายสถานการณ์มักต้องใช้ “บริการเสริม” เพิ่มเติมจากงานขนของพื้นฐาน
ซึ่งบริการเหล่านี้ มักคิดค่าใช้จ่ายแยกต่างหาก และ ควรสอบถามให้ชัดเจนก่อนตกลงราคา เพื่อไม่ให้มีปัญหาภายหลัง
บริการเสริมหลักที่ลูกค้ามักใช้บ่อย
1. บริการแพ็คของ / ห่อของ
ใช้วัสดุกันกระแทก เช่น บับเบิ้ล, ฟิล์มห่อ, เชือก, กล่อง
เหมาะสำหรับของเปราะบาง, ของมูลค่าสูง, เครื่องใช้ไฟฟ้า
ราคา: 200 – 800 บาท/งาน (ขึ้นกับจำนวนของ)
2. ถอด–ประกอบเฟอร์นิเจอร์
เช่น เตียง, โต๊ะ, ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวาง
เหมาะกับงานย้ายบ้านหรือสำนักงาน
ราคา: 300 – 1,000 บาท/ชิ้น (ขึ้นอยู่กับความยาก)
3. ค่ารอหน้างาน (เกินเวลาที่ตกลง)
กรณีลูกค้ายังแพ็คของไม่เสร็จ หรือมีความล่าช้า
ราคา: 100 – 300 บาท/ชั่วโมง
4. ค่าทางด่วน / ค่าจอดรถ / ค่าขึ้นลิฟต์
มักไม่รวมในราคาหลัก โดยเฉพาะคอนโด ห้าง หรือโครงการหมู่บ้าน
คิดตามจริง หรือผู้ให้บริการอาจรวมไว้ล่วงหน้า
5. ค่าเข้าซอยแคบ / จุดที่รถเข้าถึงไม่ได้
บางสถานที่ เช่น ซอยแคบ, ถนนเล็ก, ห้ามรถใหญ่เข้า → ต้องเปลี่ยนรถเล็กหรือเข็นของ
ราคา: แล้วแต่ตกลง (บางรายคิดเพิ่ม 200 – 500 บาท)
6. บริการจัดเรียงของ ณ จุดปลายทาง
หากลูกค้าให้จัดของเข้าห้อง แยกประเภท วางตามตำแหน่ง
ราคา: 300 – 600 บาท หรือรวมในแรงงานยกของ (ถ้าตกลงไว้)
7. ค่าบริการเรียกด่วน (เช่น ต้องการรถภายใน 1 ชม.)
งานด่วนที่ต้องแทรกคิวหรือรีบวิ่ง
ราคา: 300 – 800 บาท แล้วแต่ระยะทางและความเร่งด่วน
💡 เคล็ดลับ: ต้องถามให้ชัดก่อนตกลง
ก่อนจะตัดสินใจจ้าง ควรถามผู้ให้บริการให้ชัดเจนว่า:
ราคานี้รวม แพ็คของ หรือยัง?
ถ้าต้อง ถอดเฟอร์นิเจอร์ มีช่างให้ไหม?
มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมถ้า ต้องรอหน้างาน หรือไม่?
คอนโดมีค่าลิฟต์ / ค่าจอดรถ ใครเป็นคนจ่าย?
✅ สรุป
“บริการเสริม” ไม่ใช่บริการบังคับ แต่เป็นสิ่งที่ลูกค้าควรทราบ
หากรู้ล่วงหน้า → จะวางแผนงบได้ง่ายขึ้น และไม่เสียอารมณ์หน้างาน
📌 แนะนำ: ผู้ให้บริการที่ดีควรแจ้งบริการเสริมและราคาก่อนล่วงหน้าอย่างโปร่งใส เพื่อความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย
💸 ตัวอย่างคำนวณราคาจริง (เคสจำลอง)
หลายคนสงสัยว่า “จ้างรถขนของ 1 เที่ยวต้องจ่ายเท่าไหร่?”
เพราะบางเจ้าเสนอราคาไม่รวมแรงงาน บางเจ้าไม่รวมค่าทางด่วน หรือบางกรณีคิดเพิ่มหน้างานโดยลูกค้าไม่ทันรู้ตัว
ตัวอย่างคำนวณจริง (แบบจำลอง) ด้านล่างนี้ จะช่วยให้เข้าใจว่า “ค่าบริการรถขนของ” ประกอบด้วยอะไรบ้าง และคิดยังไงให้ครบจบ ไม่มีงบบาน
✅ เคส 1: ย้ายหอในกรุงเทพฯ (ระยะใกล้ ไม่เกิน 20 กม.)
📍 ต้นทาง: จตุจักร → ปลายทาง: สุขุมวิท
🚚 ประเภทรถ: กระบะตู้ทึบ
📦 ของที่ขน: กล่อง 10 ใบ, เตียง, โต๊ะพับ, ตู้เย็น
🧍♂️ แรงงานช่วยยกของ: 1 คน
🕘 เวลาทำงาน: วันธรรมดา ช่วงบ่าย
🛠 บริการเสริม: ไม่มี
คำนวณราคา:
ค่ารถ (เหมาระยะใกล้ในกรุงเทพ): 1,800 บาท
ค่าแรงคนยกของ 1 คน: 400 บาท
ค่าทางด่วน (ถ้ามี): 50 บาท
📌 รวมทั้งหมด: ~2,250 บาท
✅ เคส 2: ย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ → พัทยา (150 กม.)
📍 ต้นทาง: บางนา → ปลายทาง: พัทยา
🚚 ประเภทรถ: รถกระบะตู้ทึบ
📦 ของที่ขน: กล่อง 25 ใบ, เตียง 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, เครื่องซักผ้า
🧍♂️ แรงงานช่วยยกของ: 2 คน
🕒 เวลาทำงาน: วันเสาร์ ตอนเช้า
🛠 บริการเสริม: ไม่มีถอดเฟอร์นิเจอร์ แต่มียกขึ้นบ้าน 2 ชั้น
คำนวณราคา:
ค่ารถขนของระยะทาง ~150 กม. (เหมา): 3,000 บาท
ค่าแรงคนยกของ 2 คน: 800 บาท (คนละ 400)
ค่าทางด่วน + มอเตอร์เวย์: 150 บาท
📌 รวมทั้งหมด: ~3,950 บาท
✅ เคส 3: ขนสินค้าธุรกิจจากกรุงเทพฯ → เชียงใหม่ (~700 กม.)
📍 ต้นทาง: คลังสินค้าในกรุงเทพ → ปลายทาง: ร้านค้าที่เชียงใหม่
🚛 ประเภทรถ: รถหกล้อ
📦 ของที่ขน: สินค้าในกล่องพาเลท น้ำหนักรวม ~3 ตัน
🧍♂️ แรงงาน: ใช้คนช่วยโหลดของขึ้น 1 คน
🕒 เวลาทำงาน: เวลากลางคืน (เริ่มขน 21.00 น.)
🛠 บริการเสริม: ไม่มีแพ็คของ แต่ต้องรอหน้างาน 1 ชม.
คำนวณราคา:
ค่ารถหกล้อ กรุงเทพ–เชียงใหม่ (เหมา): 12,000 บาท
ค่าแรง 1 คน (กลางคืน): 500 บาท
ค่ารอหน้างาน 1 ชม.: 200 บาท
ค่าทางด่วน: 200 บาท
📌 รวมทั้งหมด: ~12,900 บาท
🎯 สรุปองค์ประกอบหลักที่ใช้คำนวณ:
| รายการ | คำอธิบาย | ช่วงราคาโดยประมาณ |
|---|---|---|
| ค่ารถ | คิดตามระยะทางและประเภทของรถ | 1,200 – 15,000 บาท |
| ค่าแรงคนยกของ | คิดแยกจากค่ารถ | 300 – 500 บาท/คน |
| ค่าบริการเสริม | เช่น ถอดของ แพ็คของ รอหน้างาน | 100 – 1,000 บาท |
| ค่าทางด่วน / ค่าจอดรถ | คิดตามจริง | 50 – 300 บาท |
สรุป:
การคำนวณราคาค่ารถขนของต้องดูมากกว่าแค่ระยะทาง เพราะบริการเสริม เช่น แรงงานช่วยยกของ ค่ารอ ค่าทางด่วน หรือเวลาทำงาน ล้วนมีผลต่อราคาสุดท้าย
แนะนำให้สอบถามล่วงหน้าให้ครบทุกจุดก่อนตกลง จะได้ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และสามารถควบคุมงบประมาณได้แม่นยำ
🧠 ข้อแนะนำก่อนจ้างรถขนของ
การจ้างรถขนของไม่ใช่แค่โทรแล้วจบ เพราะถ้าไม่เช็กให้รอบคอบ อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือเกิดปัญหาหน้างาน เช่น รถเข้าไม่ได้ ของเสียหาย หรือเวลาไม่ตรงนัด
ดังนั้นก่อนตัดสินใจจ้าง ควรมีการสอบถามและวางแผนให้ละเอียดล่วงหน้า เพื่อให้การขนของเป็นไปอย่างราบรื่น ประหยัด และไม่มีดราม่า
✅ 1. สอบถามรายละเอียดราคาชัดเจน
คำว่า “เหมาคัน” หรือ “ราคานี้รวมแล้ว” บางครั้งอาจไม่รวมค่าแรง ค่ารอ ค่าทางด่วน ฯลฯ
สิ่งที่ควรถาม:
ราคานี้รวมแรงงานกี่คน?
รวมค่าทางด่วนหรือยัง?
ถ้ารอหน้างาน คิดเงินเพิ่มไหม?
มีค่าถอด-ประกอบของหรือไม่?
📌 ขอเป็นข้อความแชต/เอกสารตกลงไว้ จะได้อ้างอิงได้ชัด
✅ 2. แจ้งรายละเอียดของที่จะขนอย่างตรงไปตรงมา
การปิดบังหรือบอกไม่ครบ อาจทำให้รถที่มาขนาดไม่พอดี หรือแรงงานไม่เพียงพอ
สิ่งที่ควรแจ้ง:
จำนวนของโดยคร่าว
ของชิ้นใหญ่ (เช่น ตู้เย็น เตียง โซฟา)
มีของเปราะบางหรือของมีมูลค่าสูง
ต้องยกของขึ้นลงชั้นใด / มีลิฟต์หรือไม่
✅ 3. เลือกประเภทรถให้เหมาะกับของที่ขน
รถใหญ่เกิน = เปลือง / รถเล็กเกิน = ต้องวิ่งหลายรอบ
ตัวอย่างการเลือก:
ของทั่วไป → กระบะตอนเดียว
ของมีมูลค่า / กลัวฝน → กระบะตู้ทึบ
ย้ายบ้านเต็มหลัง → รถหกล้อขึ้นไป
ของขนาดใหญ่/จำนวนมาก → รถสิบล้อ
✅ 4. นัดหมายวัน–เวลาชัดเจน และมีแผนสำรอง
เวลาคือเงิน ยิ่งคุยชัด = ยิ่งลดปัญหา
สิ่งที่ควรตกลงไว้ล่วงหน้า:
เวลาเริ่มงาน และเวลาคาดว่าจะถึงปลายทาง
จุดนัดหมายรับ-ส่งของ (พิกัดชัดเจน)
ช่องทางติดต่อคนขับ/ประสานงาน (เบอร์, ไลน์)
มีแผนสำรองกรณีฝนตก รถเข้าไม่ถึง ฯลฯ
✅ 5. ตรวจสอบชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ
ไม่ควรจ้างแค่เพราะราคาถูกที่สุด ต้องดูประวัติ ความน่าเชื่อถือ และรีวิวจากลูกค้า
วิธีตรวจสอบ:
มีเพจ / เว็บไซต์หรือไม่?
มีรูปภาพรถจริง?
รีวิวลูกค้าเก่า / คอมเมนต์เป็นบวกหรือไม่?
จดทะเบียนธุรกิจหรือไม่ (ในกรณีใช้ขนของมูลค่าสูง)
✅ 6. มีสัญญาหรือหลักฐานยืนยันก่อนโอนเงิน
เพื่อป้องกันกรณี “โดนเท” หรือ “เปลี่ยนราคาแบบไม่มีเหตุผล”
ควรมี:
แชตหรือใบเสนอราคา ระบุวัน เวลา รถ รุ่น คนยกของ ฯลฯ
หลักฐานการโอนเงินมัดจำ (ถ้ามี)
เบอร์โทรติดต่อได้จริง
✅ 7. เตรียมของให้พร้อมก่อนวันขนย้าย
ช่วยลดเวลา ลดค่าแรง และลดความปวดหัว
สิ่งที่ควรทำล่วงหน้า:
แพ็คของใส่กล่อง/ถุงให้เรียบร้อย
ถอดปลั๊ก-ระบายน้ำตู้เย็น เครื่องซักผ้า
ถอดเฟอร์นิเจอร์เท่าที่ทำได้ (ถ้าต้องการประหยัด)
แจ้ง รปภ./นิติฯ ล่วงหน้าถ้ามีการย้ายเข้า-ออกอาคาร



